สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com

ประวัติศาลเจ้าพ่อเสือ

ประวัติศาลเจ้าพ่อเสือ

ภาพจากเว็บไซด์ http://www.th.wikipedia.org


ศาล เจ้าพ่อเสือ ตั้งอยู่เลขที่ 468 ถนนตะนาว ในบบริเวณที่ตัดกับถนนอุนากรรณ ใกล้เสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานครบนเนื้อที่ 2 ไร่เศษ เป็นศาลเจ้าชาวจีนแต้จิ๋ว (สายลัทธิเต๋า) ที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทยคนจีนเรียกกันว่า"ตั่วเล่าเอี้ย" เป็นศาลเจ้าที่ประดิษฐาน เฮี้ยงเทียนเซียงตี่ (เหี่ยงเทียงเสี่ยงตี่ ก็เรียก), รูปเจ้าพ่อเสือ, เจ้าพ่อกวนอู และ เจ้าแม่ทับทิม เป็นที่เคารพนับถือของทั้งชาวไทยและจีนเป็นอย่างมาก

ศาลเจ้าพ่อเสือ มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ปีที่ก่อสร้างตรงกับ พ.ศ. 2377 มีความเกี่ยวเนื่องกับวัดมหรรณพาราม เดิมตั้งอยู่ริมถนนบำรุงเมือง ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดให้ขยายถนนบำรุงเมือง ได้โปรดให้พระยาโชฎีราชเศรษฐีย้ายศาลมาไว้ที่ทางสามแพร่งถนนตะนาว จนถึงปัจจุบันลักษณะ อาคารสร้างตามรูปแบบศาลเจ้าที่นิยมทางภาคใต้ของ จีน เทพเจ้าประจำศาลคือ “เสียนเทียนซั่งตี้” หรือที่คนไทยเรียกว่า“เจ้าพ่อเสือ” นั่นเอง เรื่องราวตำนานของเจ้าพ่อเสือที่ชาวบ้านย่านนี้เล่าขานนั้น เชื่อมโยงกับหลวงพ่อพระร่วง วัดมหรรณพารา (วัดมหรรณพ์) ด้วยสะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องชาวไทยและชาวจีนในละแวกนี้ที่มีมา ช้านาน

"เสือ" เป็นสัตว์ที่คนจีนเชื่อว่ามีฤทธิ์เดชมาก สามารถปราบผีหรือสิ่งเลวร้ายของชีวิตได้ หากบ้านใครตั้งอยู่บริเวณทางสามแพร่ง หรือจุดที่ถือกันว่าจะมีวิญญาณเลวร้ายพุ่งเข้าบ้าน จะนิยมเอาเสือคาบดาบไปแขวนไว้ที่หน้าบ้านเพื่อขจัดสิ่งเลวร้าย เคราะห์ร้ายที่จะมากล้ำกรายชีวิตของเราให้พ้นไปหรือว่าบรรเทาลงได้เชื่อ กันว่าทุก ๆ ปีขาลที่เวียนมาถึงจะเป็นปีที่มีธุรกิจล้มละลายกันมากเป็นประวัติการณ์ บริษัทห้างร้านต่าง ๆ พากันปิดกิจการกันมาก ภาระการค้ามีอุปสรรคมาก อย่างไรก็ตามคัมภีร์โหราศาสตร์จีน (โป๊ยยี่สี่เถี่ยวเก็ง)บันทึกไว้ว่า "ในปีขาล (เสือ) นี้บุคคลที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของเสือแล้ว กลับจะเป็นปีที่มีความก้าวหน้าอย่างมากมายในขณะที่คนอื่นต้องพบกับชะตากรรม ที่ถูกผลักดันให้ตกต่ำไม่ได้รับการเอาใจใส่ในช่วงเวลาอันวุ่นวายของปีเสือนี้" ดังนั้นผู้เขียน (พ. สุวรรณ) ขอแนะนำว่า ท่านผู้อ่านที่มีเกณฑ์ชะตาไม่ค่อยดีหรือผู้อ่านที่ต้องการความมั่นใจ ท่านควรหาโอกาสไปไหว้เจ้าที่ ศาลเจ้าพ่อเสือ (เสาชิงช้า) ซึ่งชาวจีนเรียกกันว่า "ตั่วเล่าเอี้ย" ให้ได้ในปีขาลหรือทุก ๆ ปีขาลที่เวียนมาถึง เป็นการสะเดาะเคราะห์เพื่อเสริมมงคลให้แก่ตัวเองและครอบครัว เมื่อท่านได้ทำตามที่ว่า
ท่านลองสังเกตุดูท่านจะรู้สึกว่า ชีวิตของท่านจะดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์จริงๆ (ซึ่งผู้เขียนเคยประสบกับตนเองมาแล้ว) ปัญหาและอุปสรรคต่างๆที่เคยขัดขวางท่านกลับคลี่คลายและลดลงไปอย่างไม่น่า เชื่อ

ครอบครัวชาวจีนที่ยังไม่มีลูก ต้องการอยากมีมากๆก็จะไปขอลูกที่ "ตั่วเล่าเอี๊ย" หรือศาลเจ้าพ่อเสือในคืนวันที่ 15 ค่ำ เดือน 1(ตามปฏิทินจีน) ชาวจีนเรียกพิธีนี้ว่า "จับโหงวแม้" (แปลว่า "คืนวันที่ ๑๕ ค่ำ") โดยนำ "ทึ้งถะ" หรือเจดีย์ที่ทำด้วยน้ำตาลไปไหว้คนที่อยากมีลูกแล้วไปขอ ท่านแนะนำว่า ต้องให้ฝ่ายชายไปไหว้แล้วขโมย "ทึ้งไซ" หรือสิงโตที่ทำด้วยน้ำตาลกลับมาบูชาที่บ้านเมื่อได้ลูกสมปรารถนาแล้วปีหน้าหรือปีถัดไปต้องเอาสิงโตที่ทำด้วยน้ำตาลไป ไหว้ใช้คืนสองเท่า หรือสองตัวนั่นเอง เผื่อให้ครอบครัวอื่นที่ยังไม่มีลูกจะได้ไปขโมยบ้าง

ปัจจุบันเพื่อ ความสะดวก ทางคณะกรรมการศาลเจ้าพ่อเสือ (เสาชิงช้า) ได้อำนวยความสะดวก โดยตั้งจุดขายสิงโตน้ำตาล และเจดีย์น้ำตาล เพื่อลดความแออัดและความชุลมุนวุ่นวาย

ทุกวันนี้มีคนไปไหว้กันมากเดินแทบไม่ได้แถมยังถูกรมด้วยควันธูปที่คลุ้ง กระจายจนแสบตา หลายคนน้ำตานองหน้ากว่าจะเข้าถึงองค์เจ้าพ่อเพื่อให้อาแป๊ะหรือเจ้าหน้าที่ ของศาลเจ้าเอาเนื้อหมูสด (ท่านสามารถหาซื้อได้จากแม่ค้ารอบๆศาลเจ้า) ที่ถวายถูที่ปากท่านแล้วพูดว่า "เฮงๆ" นั่นแหละ…ขอให้เฮง หรือโชคดี สมปรารถนาตลอดปีและตลอดไป ที่สำคัญอย่าลืมเช่า "ฮู้" หรือยันต์เจ้าพ่อเสือที่ศาลเจ้ามาติดไว้ที่บ้านหรือสำนักงาน เพื่อความเป็นสิริมงคลอยู่รอดปลอดภัย ส่วนท่านที่เกิดปีขาล ปีมะเส็งปีวอกและปีกุน ขอแนะนำว่าในทุกๆปีขาลที่เวียนมาถึงควรไปไหว้เจ้าที่ศาลเจ้าพ่อเสือให้ได้ โดยเฉพาะคนปีขาลและปีวอกต้องขอเน้นเป็นพิเศษ เพราะเป็นปีที่มีอิทธิพลท่านมากจริงๆ และเพื่อความมั่นใจและได้ผลอย่างแน่นอน ควรไหว้ "ไช้ซิ้งเอี๊ย" (เทพเจ้าแห่งโชคลาภหรือเทพเจ้าเงินตรา) ที่ศาลเจ้าพ่อเสือ ชาวจีนที่มีอายุมากๆ ตลอดจนซินแสทั้งหลายต่างร่ำรือถึงความศักสิทธิ์ว่าไช้ซิ้งเอี๊ย องค์ที่อยู่ในศาลเจ้าพ่อเสือ (เสาชิงช้า) ใครดวงไม่ดีแต่อยากรุ่งหรือใครที่มีปัญหาเรื่องเงินทอง ท่านจะช่วยดังนั้นชาวจีนจึงนิยมไปไหว้กันมาก

ภาพจากเว็บไซด์ http://www.nairobroo.com

ปัจจุบัน นิยมไหว้ศาลเจ้าพ่อเสือเพื่อ "เสริมอำนาจบารมี" โดยใช้ ธูป 18 ดอก และเทียนแดงคู่ เป็นเครื่องสักการะ
วิธีสักการะ ไหว้ด้วยธูป 18 ดอก ปัก 6 กระถาง เทียนแดง 1 คู่ และพวงมาลัย 1 พวง ส่วนการสักการะเจ้าพ่อเสือ จะต้องซื้อเครื่องเซ่นซึ่งประกอบด้วย หมูสามชั้น ไข่สด และข้าวเหนียวหวาน อีกทั้งผู้คนก็นิยมมาเสี่ยงเซียมซีในศาลเจ้านี้ที่ขึ้นชื่อว่าทายแม่นเหมือน ตาเห็นอีกด้วย

นอกจากจะเป็นที่เลื่องชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์แล้วศาลเจ้าแห่งนี้ยังมี ความงามด้านสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายในอีกด้วยโดยเฉพาะโบราณวัตถุที่ประดับอยู่ภายในศาลเจ้านั้น บางชิ้นมีอายุกว่า 100 ปีเลยทีเดียว

เวลาที่เหมาะสมสำหรับการเดินทางไปสักการะคือ 06.00 - 17.00 น. ทุกวัน ควรแต่งกายสุภาพ และเพื่อความสะดวก ควรเดินทางด้วยรถประจำทาง หรือรถแท็กซี่ เนื่องจากสถานที่จอดรถมีจำนวนจำกัด

อ้างอิงจาก:
1. http://www.geocities.com/sanjaoporsua - ข้อมูลจาก หนังสือไหว้เจ้าเสริมดวงชะตา (โดย พ.สุวรรณ - สำนักพิมพ์บ้านมงคล)
2. http://www.th.wikipedia.org/
3. http://www.nairobroo.com/
4. http://travel.sanook.com/ - ข้อมูลโดย สิริลักษณ์ จินตนะดิลกกุล
5. http://pirun.ku.ac.th/
view